เมื่อผิวหน้ามีปัญหาจากสิวอักเสบ รอยแดง จุดด่างดำ ก็มีผู้คนบางส่วนซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดสิวหรือรอยต่าง ๆ มาใช้เอง แต่เคยสังเกตหรือไม่ว่าพอใช้ผลิตภัณฑ์นาน ๆ แล้วผิวกลับแสบ มีสิวหรือจุดด่างดำขึ้นหนักกว่าเดิม นั่นอาจเป็นเพราะหน้าติดสารสเตียรอยด์ ทำให้มีอาการสิวเห่อหรือมีฝ้าสเตียรอยด์ขึ้น ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดฝ้าสเตียรอยด์เพื่อนำไปสู่การดูแลรักษาผิวอย่างถูกวิธี
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสารสเตียรอยด์
สเตียรอยด์ คือ ฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไตชั้นนอกผลิตขึ้นมาเพื่อปรับสมดุลระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้สามารถทำงานได้ตามปกติ สเตียรอยด์จึงถูกสังเคราะห์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่สเตียรอยด์ก็ถูกนับเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายด้วยเช่นกัน
ประโยชน์ของการใช้สารสเตียรอยด์
สเตียรอยด์ที่นำมาใช้ในการรักษาส่วนใหญ่จะใช้ในปริมาณน้อยและผ่านการควบคุมจากแพทย์แล้วเท่านั้นเพื่อให้สเตียรอยด์ส่งผลดีต่อร่างกาย โดยประโยชน์ของการใช้สารสเตียรอยด์มีดังต่อไปนี้
- ช่วยลดอาการปวด บวม และอักเสบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
- ใช้กดภูมิคุ้มกันภายในร่างกายเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคแพ้ภูมิตนเอง (SLE), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
- ใช้รักษาโรคทางผิวหนัง เช่น ผิวอักเสบ ผื่นแพ้ สะเก็ดเงิน เป็นต้น
- ช่วยเพิ่มโอกาสปลูกถ่ายอวัยวะให้ประสบความสำเร็จสูงขึ้น ลดการต่อต้านอวัยวะใหม่
- ใช้เพิ่มปริมาณฮอร์โมนในกรณีที่ต่อมหมวกไตหรือต่อมสมองส่วนหน้าทำงานผิดปกติ
นอกเหนือจากนี้แล้วสเตียรอยด์ยังถูกนำมาใช้ในรักษาปัญหาสิวต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้มีผู้หลงเชื่อว่าสารสเตียรอยด์จะช่วยทำให้ใบหน้าปราศจากสิวได้จริง แต่นั่นเป็นเพียงการรักษาแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะสารพิษจากสเตียรอยด์ที่อยู่ภายใต้ผิวจะทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ในภายหลังได้ เช่น สิวและฝ้าสเตียรอยด์
อันตรายที่พบหลังจากใช้สารสเตียรอยด์
ในอีกแง่หนึ่งสารสเตียรอยด์นับว่าเป็นสารที่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อร่างกายมีปริมาณสารสเตียรอยด์ตกค้างมากเกินไป หรือว่ามีสารสเตียรอยด์อยู่ในร่างกายนานเกินไปก็จะส่งผลเสียดังนี้
- ความดันและไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ
- น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเพิ่มโอกาสเป็นโรคเบาหวาน
- ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง ทำให้มีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ จากการติดเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อไวรัสมากขึ้น
- กดการหลั่งฮอร์โมนให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้มากพอ
- กระเพาะอาหารเป็นแผล มีเลือดออก
- กระดูกพรุน กระดูกเปราะ
- ลูกตามีความดันสูงขึ้น ตาบอด
- หัวใจล้มเหลว
ที่สำคัญสารสเตียรอยด์ยังส่งผลต่อผิวหนัง ทำให้ผิวบางลง จึงส่งผลให้ใบหน้ามีสิวหรือฝ้าสเตียรอยด์ขึ้นง่าย
ปัญหาผิวที่ปรากฏขึ้นหลังจากใช้สารสเตียรอยด์
ในช่วงแรกที่ใช้สารสเตียรอยด์บนผิวหน้าอาจไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ อีกทั้งยังทำให้ผิวดีขึ้น ทำให้มีผู้คิดว่าสารสเตียรอยด์ดีต่อผิวกาย แต่พอใช้สักระยะก็จะเริ่มปรากฏผลข้างเคียงจากการที่ผิวติดสารสเตียรอยด์ ซึ่งหน้าติดสารสเตียรอยด์จะมีอาการดังนี้
- ผิวบอบบาง แสบร้อน ผิวลอก หรือผิวแพ้ง่ายกว่าปกติ
- สิวจากสารสเตียรอยด์ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือมีผดผื่นขึ้นเยอะ
- ผิวไวต่อแสง ทำให้เกิดสิวหรือผิวคล้ำเสีย ฝ้าสเตียรอยด์ได้ง่าย
ประเภทของฝ้าที่เกิดจากการใช้สารสเตียรอยด์
ลักษณะฝ้าติดสารหรือฝ้าสเตียรอยด์ที่พบนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะ สีและบริเวณชั้นผิวที่เกิดฝ้า คือ ฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม
- ฝ้าตื้น
ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) คือ ฝ้าที่มีอาการปรากฏขึ้นบนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า (หนังชั้นนอก) ซึ่งฝ้ามักจะขึ้นเป็นสีน้ำตาล สีเทาดำ มีขอบฝ้าชัด สังเกตเห็นง่าย
- ฝ้าลึก
ฝ้าลึก (Dermal Melasma) คือ ฝ้าที่มีอาการปรากฏขึ้นบนผิวหนังชั้นหนังแท้ โดยมักจะขึ้นเป็นสีน้ำตาล สีเทา สีเทาน้ำเงิน สีม่วง มีขอบฝ้าไม่ค่อยชัด สังเกตเห็นยาก
- ฝ้าผสม
ฝ้าผสม (Mixed Melasma) คือ ฝ้าที่มีลักษณะของฝ้าตื้นและฝ้าลึกปะปนกัน โดยฝ้ามักจะขึ้นเป็นสีน้ำตาล สีเทาและสีน้ำเงิน มีขอบจางปรากฏขึ้นบนผิวหนังชั้นหนังกำพร้ากับผิวหนังชั้นหนังแท้
สาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝ้าสเตียรอยด์
ในช่วงแรกที่ใช้สารสเตียรอยด์จะไม่มีความผิดปกติหรืออันตรายใด ๆ ปรากฏขึ้นให้เห็น แต่หลังจากใช้สารสเตียรอยด์ติดต่อกันนานจะทำให้ผิวเกิดอาการติดสารขึ้น ซึ่งในกรณีที่ร่างกายได้รับปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ก็จะทำให้มีสิวหรือฝ้าที่ยากต่อการรักษา โดยสาเหตุการเกิดฝ้าสเตียรอยด์จะมีดังนี้
- แสงแดด : รังสี UVA, รังสี UVB
- พันธุกรรม : สมาชิกในครอบครัว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : อายุที่เพิ่มขึ้น การใช้ยาฮอร์โมน การตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน
บริเวณที่ฝ้าสเตียรอยด์มักปรากฏขึ้น
ฝ้าสเตียรอยด์ส่วนใหญ่มักจะปรากฏขึ้นตามบริเวณที่สัมผัสสารสเตียรอยด์ติดต่อกันนาน เช่น
- หน้าผาก
- ขมับ
- โหนกแก้ม
- แก้ม
- จมูก
วิธีรักษาฝ้าสเตียรอยด์
ฝ้าสเตียรอยด์เกิดจากสารสเตียรอยด์ไปทำให้ผิวบอบบาง จนเมื่อผิวถูกปัจจัยต่าง ๆ เช่น แสงแดด ฮอร์โมนแปรปรวนหรืออายุที่เพิ่มขึ้นมากระตุ้น ก็จะส่งผลให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินง่ายกว่าปกติ แต่ปัจจัยดังกล่าวนั้นเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงยาก จึงเป็นเหตุให้ผิวมีโอกาสขึ้นฝ้าสเตียรอยด์ซ้ำอยู่แม้ว่าจะรักษาจนฝ้าจางลงแล้วก็ตาม แต่ในที่นี้ก็จะมีวิธีรักษาฝ้าจากสเตียรอยด์มาแนะนำเพื่อช่วยปรับสีที่ไม่สม่ำเสมอของฝ้า เช่น
หยุดใช้ครีมสเตียรอยด์ทันที
สิ่งที่ควรทำทันทีที่ทราบว่าผิวมีฝ้าจากสารสเตียรอยด์ คือ หยุดใช้สารสเตียรอยด์ เพราะถ้าผิวยังคงรับสารสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้พิษของสเตียรอยด์สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผิวบอบบางลง เป็นเหตุให้เซลล์ผิวถูกปัจจัยต่าง ๆ กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน จึงทำให้ฝ้าสเตียรอยด์มีสีเข้มขึ้น และสเตียรอยด์ยังเป็นตัวรบกวนการรักษาผิวให้ฝ้าจางช้าลงด้วย
งดใช้เครื่องสำอางชั่วคราว
แม้ว่าเครื่องสำอางที่วางจำหน่ายจะช่วยปกปิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอหรือมีส่วนช่วยบำรุงผิวได้แต่ก็ควรหยุดใช้เครื่องสำอางชั่วคราว เพราะเครื่องสำอางบางประเภทอาจมีสารก่ออาการระคายเคืองเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ซึ่งสารก่ออาการระคายเคืองจะทำให้ผิวที่มีฝ้าสเตียรอยด์ถูกกระตุ้นให้มีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม และยังส่งผลให้ผิวเกิดอาการแสบหรืออุดตันได้ง่าย
การใช้ยารักษาฝ้าสเตียรอยด์
การใช้ยารักษาฝ้าสเตียรอยด์เป็นหนึ่งในวิธีรักษาฝ้าจากสเตียรอยด์ที่นำมาใช้กันอย่างยาวนาน โดยยาที่ใช้รักษาฝ้าบางประเภทอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้หากมีการใช้ยาผิดวิธี ดังนั้นในกรณีที่ต้องการรักษาฝ้าด้วยยา ควรให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาเท่านั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายรับสารสเตียรอยด์เกินขนาดหรือได้รับสารติดต่อกันนานเกินไป
ทำเลเซอร์กำจัดฝ้าสเตียรอยด์
วิธีรักษาฝ้าจากสเตียรอยด์ที่เห็นผลลัพธ์ไว คือ การทำเลเซอร์ ในการรักษาจะนำเลเซอร์ยิงบริเวณที่มีปัญหาฝ้าสเตียรอยด์เพื่อให้คลื่นพลังงานไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินให้เกิดการแตกตัวและถูกกำจัดออกไปโดยที่ไม่ทำลายเซลล์ผิวบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งเลเซอร์ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ชั้นผิวผลิตคอลลาเจนจึงทำให้ชั้นผิวแข็งแรงมากขึ้น
ใช้สารผลัดเซลล์ผิวลดฝ้าสเตียรอยด์
วิธีถอนพิษสเตียรอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกวิธี คือ การใช้สารผลัดเซลล์ผิว เพราะสารผลัดเซลล์ผิวจะช่วยให้สีของฝ้าสเตียรอยด์และจุดด่างดำต่าง ๆ ดูจางลง โดยปกติแล้วสารที่นำมาใช้ผลัดเซลล์ผิวส่วนใหญ่จะเป็นกรด AHA แต่ผิวติดสารจะบอบบางกว่าปกติ ดังนั้นการใช้กรด AHA อาจจะไม่เหมาะกับผิวเท่ากรด PHA ซึ่งผลัดเซลล์ผิวได้อ่อนโยนต่อผิวมากกว่า
ฉีดเมโสรักษาฝ้าสเตียรอยด์
ฝ้าสเตียรอยด์รักษายังไง? การฉีดเมโสจะเป็นวิธีช่วยรักษาฝ้าสเตียรอยด์ให้จางลงได้ การฉีดเมโสจะนำวิตามินและสารสกัดต่าง ๆ ฉีดเข้าสู่บริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้เพื่อปรับสภาพผิวหน้าให้มีสีที่เรียบเนียน สม่ำเสมอมากขึ้น และช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพแข็งแรงจากภายใน
วิธีป้องกันฝ้าสเตียรอยด์
ฝ้าสเตียรอยด์เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากผิวบอบบางจนผิวถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินง่ายกว่าปกติ ดังนั้นในระหว่างรักษาฝ้าสเตียรอยด์จึงควรปฏิบัติตามวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้ฝ้าสเตียรอยด์ขึ้นซ้ำ เช่น
- หลีกเลี่ยงสารสเตียรอยด์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวหรือฝ้าสเตียรอยด์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารสเตียรอยด์จากแหล่งต่าง ๆ เช่น ครีมทาสิว เครื่องสำอาง แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้สเตียรอยด์ในการรักษาโรคจะต้องอยู่ในการควบคุมจากแพทย์เท่านั้น
- หมั่นทาครีมกันแดด
แสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวมีฝ้าสเตียรอยด์ขึ้น ดังนั้นจึงควรหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทุก ๆ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพป้องกันผิวจากแสงแดดได้เต็มที่
- หลีกเลี่ยงแดด
แม้ว่าจะทาครีมกันแดดแล้ว แต่ครีมกันแดดก็ไม่สามารถป้องกันรังสีในแสงแดดได้ 100% ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการยืนใต้แสงแดดติดต่อกันนาน เพราะจะทำให้ผิวมีโอกาสเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวไหม้แดดง่าย
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีอยู่เสมอ เช่น นอนหลับวันละ 6-8 ชั่วโมง ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หมั่นทานผักและผลไม้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงความเครียด เป็นต้น เมื่อผิวสุขภาพดีก็จะลดโอกาสเกิดฝ้าสเตียรอยด์ได้
- ทาสกินแคร์
บางครั้งการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นการใช้สกินแคร์บำรุงผิวก็จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ โดยสามารถเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเพื่อให้สกินแคร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หลักการเลือกเครื่องสำอางปลอดสเตียรอยด์
ในบางครั้ง ผิวหน้าที่มีฝ้าสเตียรอยด์อาจมาจากการใช้เครื่องสำอางที่มีสารสเตียรอยด์โดยไม่รู้ตัว ในที่นี้ก็จะมีหลักการเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย ปราศจากสารสเตียรอยด์ ดังนี้
- อ่านส่วนประกอบของเครื่องสำอางก่อนซื้อทุกครั้ง
- อย่าหลงเชื่อเลือกซื้อเครื่องสำอางที่อ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ใช้แล้วฝ้าสเตียรอยด์หายถาวร
- เลือกซื้อแบรนด์เครื่องสำอางที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐานจากอย.
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อเครื่องสำอางบำรุงผิวปราศจากสารสเตียรอยด์ เครื่องสำอางจาก Romrawin cosmetic เป็นเครื่องสำอางที่ได้รับมาตรฐานจากอย. ผ่านการคิดค้นสูตรจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์หลังจากผ่านการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ในที่นี้จะขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการรักษาฝ้าสเตียรอยด์ เช่น
- Intensive Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมจากกรด PHA มีส่วนช่วยทำให้ผิวที่มีฝ้าสเตียรอยด์ค่อย ๆ กลับมากระจ่างใสขึ้นได้โดยไม่ระคายเคืองผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวบาง ผิวแพ้ง่าย
- Absolute Light Cream ครีมที่มีส่วนผสมจาก Alpha Arbutin, Kojic Acid และ Licorice extract ซึ่งมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้รอยดำ ฝ้า กระ จางลงได้
สรุป ฝ้าสเตียรอยด์รักษารอยให้จางลงได้หากรักษาถูกวิธี
แม้ว่าอาการของฝ้าสเตียรอยด์ที่ปรากฏจะไม่เป็นอันตรายต่อผิวกายมากนัก แต่ถ้ายังคงใช้สารสเตียรอยด์อยู่ก็จะเป็นการสะสมพิษภายในร่างกายเรื่อย ๆ จนยากต่อการรักษาฝ้าให้หายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเมื่อทราบสาเหตุของการเกิดฝ้าแล้ว ควรหยุดใช้สารสเตียรอยด์ทันที และรีบเข้ารับการรักษาเพื่อให้ฝ้าจางลงได้ไวขึ้น
แต่การรักษาฝ้าสเตียรอยด์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าหากดูแลตนเองอย่างดี เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด ดื่มน้ำให้เยอะ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวในปริมาณที่เหมาะสม แต่ในกรณีที่มีเวลาดูแลผิวไม่เพียงพอหรืออยากให้ฝ้าหายไวขึ้นก็สามารถทานวิตามินบำรุงผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว Intensive Serum และครีมช่วยหยุดการสร้างเม็ดสีเมลานิน Absolute Light Cream จาก Romrawin Cosmetics ได้ด้วยเช่นกัน