ในปัญหาผิวที่พบบ่อยในช่วงที่อายุเพิ่มขึ้นนอกจากริ้วรอยแล้วก็คงจะเป็น “ฝ้าตื้น” สัญญาณแรกเริ่มที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพผิวที่เริ่มอ่อนแอ ซึ่งควรได้รับการฟื้นบำรุงผิวเป็นพิเศษ แม้ฝ้าดังกล่าวจะไม่ได้สร้างความรู้สึกเจ็บปวด แต่ย่อมส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย หากไม่รีบรักษาฝ้าอาจนำมาสู่การเกิดฝ้าถาวรได้เช่นกัน
ในบทความนี้ Romrawin Cosmetics จึงอยากมาแนะนำข้อควรรู้เกี่ยวกับฝ้าตื้น พร้อมวิธีการรักษาฝ้าให้ดูจางลงด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพ
ฝ้าตื้นมีลักษณะอย่างไร?
ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma) คือ ฝ้าที่เกิดขึ้นบนผิวหนังชั้นบนหรือผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ชั้นนอกสุดของผิว ปกคลุมอยู่ชั้นนอกของทุกส่วนในร่างกาย โดยฝ้าตื้นมีลักษณะเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาดำ เห็นขอบเขตฝ้าชัดเจน พบเจอบ่อยบริเวณผิวหน้าซึ่งเป็นส่วนที่โดนแสงแดดและมลภาวะได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ฝ้าตื้นมีวิธีรักษาให้จางลงง่ายกว่าฝ้าลึก ด้วยการฟื้นบำรุงผิวและการผลัดเซลล์ผิว
ฝ้าตื้นฝ้าลึกมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร? ลักษณะของฝ้าลึกสามารถสังเกตง่าย ๆ จากชั้นผิวที่เกิดฝ้า, สี, ขอบเขตของฝ้า และวิธีการรักษา โดยที่ฝ้าลึกจะเกิดบริเวณผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งอยู่ถัดลงมาใต้ชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลอ่อน สีม่วง หรือสีเทาอมฟ้ากระจายที่ผิวเป็นวงกว้าง แต่มองเห็นขอบเขตฝ้าไม่ชัดเจน โดยวิธีการรักษาฝ้าชนิดนี้สามารถรักษาด้วยการเลเซอร์รักษาฝ้าหรือผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับการรักษาฝ้าตื้น
ฝ้าตื้นมีกลไกการเกิดอย่างไร?
ฝ้าตื้นเกิดขึ้นจากเซลล์ผิวหนังเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น โดยเซลล์ผิวดังกล่าวที่ทำทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีผิวนั้นถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด, ระดับฮอร์โมน, พันธุกรรม หรืออายุ เป็นต้น เมื่อเซลล์ผิวผลิตเม็ดสีแล้วจึงจะถูกบรรจุลงในถุงเมลาโนโซม (Melanosome) แล้วค่อยลำเลียงไปยังเซลล์เคราติโนไซต์ (Keratinocyte) ที่อยู่บริเวณผิวชั้นบนและทำให้เกิดฝ้าในที่สุด ทั้งนี้ อาการเริ่มต้นของฝ้าสามารถสังเกตได้คือ ผิวเริ่มมีรอยคล้ำหรือรอยดำจาง ๆ เป็นปื้น และจะค่อย ๆ มีสีเข้มขึ้นตามกาลเวลา
ฝ้าตื้นเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
ปัจจุบันปัญหาฝ้าลึก ฝ้าตื้นเกิดได้จากสาเหตุหลัก 2 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ทั้งด้านร่างกายและสภาพจิตใจ โดยเบื้องต้นสามารถพิจารณาสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าตื้นได้ดังนี้
- อายุ
บุคคลที่อยู่ในช่วงอายุ 30-40 ปีขึ้นไปมีโอกาสเกิดฝ้าตื้นสูง เนื่องจากเซลล์ผิวเริ่มเสื่อมสภาพลงและเริ่มมีโอกาสที่ผิวจะระคายเคืองได้ง่ายเมื่อผิวถูกกระตุ้นจากแสงแดดหรือมลภาวะ นอกจากนี้ ผิวในช่วงอายุดังกล่าวจะเริ่มผลัดเซลล์ผิวได้น้อยลง เซลล์ผิวที่ตายแล้วจึงถูกขจัดออกช้าลง ส่งผลให้มีจุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอทั่วบริเวณ
- ระดับฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนส่งผลเกิดฝ้าตื้นได้เช่นกัน เนื่องจากฮอร์โมนจะกระตุ้นการผลิตของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) นอกจากนี้ ในช่วงมีประจำเดือนหรือภาวะตั้งครรภ์ยังส่งผลให้ฮอร์โมนอยู่ในระดับไม่สมดุลสูง ทำให้เพศหญิงมีแนวโน้มเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าเพศชาย
- แสงแดด
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้าตื้นได้ง่ายคือ ผิวโดนแสงแดดเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากรังสี UVA และ UVB สามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นได้ หากไม่ทาครีมกันแดดหรือใช้อุปกรณ์กันแดดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ง่าย อีกทั้งการสัมผัสรังสีจากแสงหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เองก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
- พันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นปัจจัยภายในที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นฝ้าตื้น บุตรในครอบครัวอาจมีแนวโน้มเป็นฝ้าสูง โดยผู้ที่มีผิวสีเข้มจะมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าผิวสีอื่น ๆ
- ความเครียด
อีกหนึ่งสาเหตุที่กระตุ้นให้ระบบของฮอร์โมนทำงานผิดปกติจนเกิดฝ้าตื้นนั้นมาจากความเครียดสะสม เมื่อฮอร์โมนทำงานผิดปกติจะยิ่งส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเสียสมดุล และกระตุ้นการผลิตของเม็ดสีเมลานินออกมามากขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกายซึ่งอาจนำมาสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะ ไมเกรน ฯลฯ
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากสารกลุ่มพาราเบน สารเคมี หรือน้ำหอม มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการผลิตของเม็ดสีเมลานินเพิ่มได้ นอกจากนี้ส่วนผสมบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจนทำให้ผิวบอบบางลงและไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้าตื้นได้ง่าย
- การใช้ยาบางชนิด
การใช้ครีมทาผิวเร่งขาวที่มีส่วนผสมของกลุ่มยาบางชนิดอย่างยาที่มีปฏิกิริยาไวต่อแสง (Phototoxic Drugs) หรือยาทากลุ่มไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สามารถทำให้เกิดฝ้าตื้นได้ อีกทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนทำให้เกิดฝ้าตื้นฝ้าลึกได้เช่นกัน
บริเวณที่พบฝ้าตื้นได้ง่าย
โดยส่วนใหญ่แล้วฝ้ากระมักเกิดขึ้นบริเวณผิวหน้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีโอกาสโดนแสงแดดมากที่สุด ทั้งนี้ ลักษณะของฝ้าแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้น สภาพผิว และบริเวณที่เกิดฝ้า สำหรับฝ้าตื้นบริเวณที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้
- ฝ้าตรงโหนกแก้ม : เป็นบริเวณที่สามารถพบฝ้าตื้นได้บ่อย เพราะเป็นจุดที่โดนแสงแดดมากที่สุด
- ฝ้าที่หน้าผาก : อีกหนึ่งบริเวณที่เกิดฝ้าง่าย เป็นจุดที่มองเห็นฝ้าชัดเจน โดยมักจะขึ้นอยู่ทั่วหน้าผาก
- ฝ้าที่จมูก : ผิวบริเวณนี้ถูกสัมผัสและมีการลอกสิวเสี้ยนบ่อย เมื่อโดนแสงแดดจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดฝ้า
- ฝ้าที่คาง : ฝ้าตื้นเกิดจากแสงหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์สะท้อนเข้าผิวบริเวณใต้คาง
- ฝ้าที่เหนือริมฝีปาก : สำหรับผู้ที่มีระดับฮอร์โมนไม่สมดุลในช่วงตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน อาจเกิดฝ้าตื้นบริเวณนี้ได้
ฝ้าตื้นมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?
ผิวหน้าเป็นฝ้าตื้นรักษาอย่างไรได้บ้าง? ปัจจุบันมีวิธีรักษาฝ้าตื้นมากมายในทางการแพทย์ เพื่อให้รอยฝ้าดูจางลง ลดโอกาสการกลับมาเป็นฝ้าซ้ำ ตลอดจนเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง สำหรับใครที่สงสัยว่าฝ้าตื้นรักษาอย่างไร? เราได้รวบรวมแนวทางรักษามาให้คุณที่ด้านล่างนี้แล้ว
ยาทารักษาฝ้าตื้น
ฝ้าตื้นรักษาได้ด้วยการครีมทาฝ้าที่ประกอบด้วยส่วนผสมช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสีเมลานิน เช่น กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) กรดโคจิก (Kojic acid) เป็นต้น ส่วนผสมดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้รอยฝ้าตื้นดูจางลงแล้วยังมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยหมองคล้ำให้สีผิวกลับมาสม่ำเสมอได้เช่นกัน ทั้งนี้ ยาทาบางชนิดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้านผิวหนังเฉพาะทาง
เลเซอร์ลดรอยฝ้าตื้น
การเลเซอร์นับเป็นหนึ่งในการรักษาฝ้าตื้นที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์รวดเร็วกว่าวิธีรักษารูปแบบอื่น โดยจะใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าไปที่ผิวหนังเพื่อทำลายเม็ดสีทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้นได้อย่างตรงจุด ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอเรียบเนียน ตลอดจนกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งปัจจุบันเลเซอร์รักษาฝ้ามีหลากหลายรูปแบบที่สามารถปรับความยาวคลื่น พลังงานแสงให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้
ผลัดเซลล์ผิวลดฝ้าตื้น
นอกเหนือจากการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, เรตินอล (Retinols) หรือ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เพื่อลดรอยฝ้าตื้นให้ดูจางลงแล้ว วิธีการลอกผิวด้วยการใช้สารเคมี Chemical Peeling ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้เป็นอีกหนึ่งวิธีผลัดเซลล์ผิว แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพราะการลอกชั้นผิวในระดับที่ลึกเกินไปอาจทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้
แนะนำวิธีป้องกันฝ้าตื้น
ฝ้าตื้นเป็นปัญหาผิวที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้หากไม่ดูแลผิวให้ดี จึงควรเรียนรู้วิธีดูแลและปกป้องผิวเพื่อป้องกันการเกิดฝ้าตื้นอย่างถูกวิธี ซึ่งสามารถปฏิบัติตามได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงแดดร้อนจัด หากมีความจำเป็นควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ เป็นต้นไปและเตรียมอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันแสงแดด เช่น หมวก ร่ม
- รับประทานอาหารที่วิตามินสูง เป็นการดูแลผิวจากภายในเพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมสารเคมี น้ำหอม หรือสารสเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้เกิดฝ้าตื้นได้
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนให้สมดุลและทำงานเป็นปกติ
- ระมัดระวังการใช้ยารักษาฝ้าตื้นตามท้องตลาดที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ปลอดภัยต่อผิว แนะนำให้ปรึกษาปัญหาฝ้ากับแพทย์เฉพาะทาง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดที่กระตุ้นการผลิตของเม็ดสีเมลานิน
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยเป็นครีมกันแดดที่สามารถป้องกัน UVA และ UVB ได้
สรุป ฝ้าตื้นรักษาอย่างไรให้รอยฝ้าดูจางลง ปรับสีผิวสม่ำเสมอ
สรุปแล้ว ฝ้าตื้นเป็นฝ้าชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนังชั้นบนหรือชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาดำ เห็นขอบเขตที่ชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบฝ้าชนิดนี้บ่อยบริเวณผิวหน้า ซึ่งมีสาเหตุเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด พันธุกรรม ฮอร์โมน หากไม่รีบรักษาฝ้าอาจทำให้สีฝ้าเข้มกว่าเดิมได้
ทั้งนี้ วิธีรักษาฝ้าตื้นสามารถทำได้ด้วยการเลเซอร์ การผลัดเซลล์ผิว รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยอย่าง Intensive Serum และ Absolute Light Cream ตัวช่วยลดเลือนรอยฝ้า จุดด่างดำให้จางลง ยับยั้งการผลิตเม็ดสี ตลอดจนปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ซึ่งได้รับการคิดค้นสูตรโดยแพทย์เฉพาะทางจาก Romrawin Cosmetics เพื่อผิวสุขภาพดี ดูแลผิวอย่างล้ำลึก